วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

8 วิธีเพิ่มราคาบ้านก่อนขายให้ได้ราคา

หากคุณลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ คุณต้องมุ่งหวังผลตอบแทนตอนขายบ้านให้มากที่สุด โดยปกติแล้วการลงทุนในบ้านและที่ดินผลตอบแทนจะมาจาก 2 ทาง คือ
(1) รายได้ในรูปแบบค่าเช่า ได้จากการที่คุณนำบ้านให้เช่าระหว่างที่คุณถือครองอยู่
(2) รายได้ในรูปของกำไรจากการขายบ้านและที่ดิน
ซึ่งรายได้ประเภทหลังนี้ คุณอาจเข้าใจว่าต้องอาศัยเวลาเป็นตัวกำหนด คือยิ่งถือครองไว้นานเพียงใด มูลค่าบ้านจะเพิ่มขึ้นมากขึ้นเท่านั้น อาจจะต้องรอถึง 5 ปี หรือ 10 ปี เป็นอย่างน้อย
อย่างไรก็ตามการที่จะทำให้ราคาบ้านและที่ดินสูงขึ้นนั้น ใช่ว่าคุณต้องอาศัยเวลาเพียงอย่างเดียว คุณสามารถทำให้มูลค่าบ้านสูงขึ้นโดยอาศัยระยะเวลาสั้นๆได้ โดยวิธีการนี้คุณต้องใช้กับการลงทุนบ้านเก่าหรือบ้านมือสอง  แนวคิดของกลยุทธ์นี้คือการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบ้านเก่าจากที่เคยทรุดโทรมให้กับมาดูใหม่อีกครั้ง โดยอาศัยการปรับปรุง ซ่อมแซม เพื่อเพิ่มความสนใจให้กับคนที่คิดที่จะเช่าหรือซื้อบ้าน คุณก็สามารถกำหนดราคาเช่าสูงขึ้น หรือกรณีคิดจะขายก็ขายบ้านได้ราคาดีขึ้น โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้


1.ทำความสะอาดบ้านให้ดูใหม่
ถือเป็นวิธีขั้นพื้นฐานที่ง่ายที่สุดและได้ผลที่ชัดเจน การทำให้บ้านดูสะอาดสะอ้านช่วยให้คุณกำหนดราคาเช่าหรือราคาขายให้สูงขึ้นได้ และช่วยให้ดึงดูดความสนใจในตัวบ้านเป็นอย่างดี
2.เปลี่ยนโฉมและทาสีบ้านให้ทันสมัย
เน้นเลือกทาสีบ้านให้ดูใหม่และทันสมัย รวมถึงการปรับโฉมบ้านให้ดูดี โดยคุณอาจเปลี่ยนดวงไฟ กระจก เปลี่ยนวอลล์เปเปอร์ หรือปูพื้นใหม่ ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากและเสียค่าใช้จ่ายไม่แพง เพราะปัจจุบันอุปกรณ์ตกแต่งบ้านมีให้เลือกมากมายและราคาไม่แพง
3.เพิ่มพื้นที่ใช้สอยบ้านให้มากขึ้น
วิธีการคือ จัดพื้นที่การใช้งานใหม่ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น เช่น เดิมห้องไหนมีขนาดเล็กเกินไป อาจจัดพื้นที่ใหม่โดยรวมกับอีกห้องให้เป็นห้องเดียวให้มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือเดิมห้องไหนมีขนาดใหญ่เกินไปก็อาจลดขนาดโดยการกั้นห้องออกเป็นส่วนๆ เพื่อช่วยให้ใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้น
4.ปรับเปลี่ยนมุมมองของบ้านให้ดีขึ้น
คุณอาจพบว่ามีมุมมองของบ้านที่เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามในบริเวณใกล้เคียง เช่น อาจเห็นสวนสาธารณะ แม่น้ำ ภูเขาหรือบริเวณพื้นที่สีเขียว แต่บ้านหลังดังกล่าวไม่ได้นำมุมมองดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ วิธีการคือคุณอาจเจาะผนังบ้านทำเป็นหน้าต่างแล้วใส่กระจกเข้าไปเพื่อทำให้เห็นมุมมองเหล่านั้นมาช่วยเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์
5.สร้างสรรค์บ้านให้มีเอกลักษณ์
คุณควรสร้างสรรค์ออกแบบบ้านใหม่ให้มีความแตกต่างกับอสังหาริมทรัพย์อื่นๆที่เคยพบเห็นมา การปรับปรุงบ้านที่ดีคือให้มีความเหมือนกับบ้านอื่นให้น้อยที่สุด เพื่อช่วยดึงดูดผู้มาเห็นได้เป็นอย่างดี


6.ปิดกั้นมุมมองที่ดูไม่ดีของบ้านออกไป
หากคุณพบว่ามีมุมมองของบ้านที่ดูไม่ดี เช่น มองเห็นสลัมหรือป่าช้า เป็นต้น วิธีการคือคุณต้องปรับปรุงโดยการปิดมุมมองนั้นเสีย แล้วไปเปิดมุมมองใหม่ที่ชวนดูมากกว่า เพราะจะทำให้เกิดปัญหาไม่ได้ความสนใจจากผู้ที่พบเห็น
7.ปรับปรุงโดยให้แสงเข้ามาในบ้านมากขึ้น
เป็นการช่วยให้บ้านของคุณดูใกล้ชิดและกลมกลืนกับธรรมชาติ ทำให้มีความรู้สึกว่าบ้านดูสะอาดและปราศจากเชื้อโรค วิธีการคือคุณอาจขยายหน้าต่างให้กว้างขึ้น หรือเปลี่ยนประตูหน้าต่างแบบทึบให้เป็นกระจก หรือติดตั้งช่องกระจกบนเพดาน เพื่อให้แสงลอดเข้ามา
8.ลดเสียงดังที่มารบกวนจากภายนอก
โดยปกติแล้วทุกคนชอบความเงียบหรือความสงบในการอยู่อาศัย หากคุณพบว่ามีเสียงรบกวนเข้ามาในบ้านมากเกินไป คุณอาจดำเนินการโดยการเปลี่ยนผนังหรือการอุดช่องที่เสียงเข้ามาในบ้าน ซึ่งเป็นวิธีช่วยได้อีกทางหนึ่ง
จากที่กล่าวมาข้างต้น เป็นวิธีการเพิ่มมูลค่าบ้านให้กับคุณเพื่อเตรียมที่จะปล่อยเช่าหรือขายบ้านให้ได้ราคา ซึ่งคุณสามารถทำได้ไม่ยาก แต่คงจะใช้กับบ้านทุกหลังคงไม่ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะบ้านและตัวคุณเป็นสำคัญ ที่จะนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์มากเพียงใด

สำรวจก่อนเข้าตลาดหุ้นด้านอสังหาฯ

สำหรับตลาดหุ้นเรียกได้ว่าเป็นแหล่งลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศ ซึ่งเราเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็มักจะแสวงหาผลกำไรจากตลาดหุ้นได้ด้วยเหมือนกัน  เพราะว่าการร่วมลงทุนในตลาดหุ้นที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์นั้นจะมีผลตอบแทนในระยะยาวค่อนข้างสูงด้วยเช่นกัน และการลงทุนในหุ้นนั้นก็มีข้อดีอยู่หลายประการ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริษัทที่เราด้วยนะครับ

คนที่เป็นมือใหม่บางครั้งก็อยากรวยเร็วรวยลัด ก็อาจจะทำให้ลงทุนพลาดได้ เพราะในตลาดหุ้นนั้นก็ใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบสวยงามเสมอไป  อีกทั้งยังต้องมีจิตวิทยาในการเล่นหุ้นแต่ละตัวอีกด้วย  เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะลงทุนในตลาดหุ้นเราก็ควรศึกษาหาความรู้เพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดกันให้มากที่สุด
วันนี้เราก็จะมาให้ความรู้ในเรื่องการลงทุนว่าแบบไหนเหมาะสมกับเรามากที่สุด   ในเรื่องของการลงทุนในตลาดหุ้นปัจจัยที่สำคัญนั้นจะมีดังนี้คือในเรื่องของจิตใจถ้าเราใจร้อนหรือใจเย็น สองปัจจัยนี้จะมากำหนดว่าเราควรลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาวมากกว่ากัน เป็นสิ่งที่เราต้องทราบก่อนการลงทุน  และจุดประสงค์การลงทุนในตลาดคุณนั้นเราก็ต้องทราบว่าเราต้องการเก็งกำไรในระยะสั้นและระยะยาวมากกว่ากันด้วย  



รวมทั้งผลตอบแทนแต่ละปีเราควรจะได้หรืออยากได้ประมาณเท่าไหร่ก็ต้องประเมิณด้วยเช่นกัน  เพราะฉะนั้นปัจจัยเหล่านี้ก็จะส่งผลทั้งสิ้น ทั้งผลตอบแทนในการลงทุนและความเสี่ยงที่จะผันผวนในพอร์ทของเราได้ด้วยเช่นกัน  เมื่อเราทราบความต้องการของเราจากนั้นค่อยกำหนดวิธีการหรือกลยุทธ์หรือเครื่องมือในการทำให้วัตถุประสงค์ของเรานั้นประสบความสำเร็จ

การลงทุนในตลาดหุ้นด้านอสังหาริมทรัพย์นั้นหลักๆจะมีอยู่ 2 วิธี  วิธีแรกคือการเน้นคุณค่าหรือในรูปแบบที่เรียกว่า VI ซึ่งการลงทุนแบบนี้ก็เปรียบเสมือนการซื้อหุ้นเข้าซื้อกิจการนั่นเอง  เพราะเราจะต้องติดตามผลการดำเนินงานหรือการบริหารงานของบริษัทเหล่านั้นว่ามีประสิทธิภาพและมั่นคงแค่ไหน   รวมทั้งวิเคราะห์งบการเงินกำไรต่างๆให้เป็น  เพื่อดูแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในระยะยาวมากกว่าระยะสั้นการลงทุนชนิดนี้ก็จะสามารถตอบแทนผลกำไรในอนาคตระยะยาวให้เรามั่นคงและยั่งยืน    

อีกวิธีนั้นเรียกได้ว่าเป็นการลงทุนโดยใช้เครื่องมือคณิตศาสตร์ต่างๆ  ประกอบกับวิธีใช้เครื่องมือเป็นหลัก บวกกับการบริหารเงินในพอร์ต  การลงทุน  และจิตวิทยาการลงทุน   รวมเข้ากับเครื่องมือที่เราใช้  เพราะฉะนั้นถ้าใครทราบแล้วว่าตัวเองถนัดวิธีไหนอย่างไรก็ควรจะหาวิธีการที่ตรงกับความต้องการของตัวเองให้มากที่สุด

เคล็ดลับการใช้แอร์ ให้ประหยัดไฟฟ้าในบ้าน

หลายๆคนคงเคยอ่านบทความเกี่ยวกับการประหยัดไฟฟ้าในการใช้แอร์มาพอสมควรแล้ว แต่วันนี้ผมจะมาสรุปวิธีประหยัดไฟฟ้าได้ง่ายและทำได้ไม่ยากกันนะครับ

ก่อนอื่นเลยให้เราหมั่นล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 2 ถึง 3 ครั้งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่การใช้งานว่ามีฝุ่นหรือคราบสกปรกมากแค่ไหน ให้เราถอดหน้ากากหรือแผ่นฟิวเตอร์แอร์มาล้างได้เดือนละครั้ง เพื่อให้แอร์นั้นใช้งานเต็มประสิทธิภาพ
เพราะถ้าเราไม่นำแผ่นฟิวเตอร์มาล้างก็จะทำให้อุดตันไม่สามารถระบายอากาศหรือความเย็นได้เต็มที่ วิธีนี้จะทำให้เราประหยัดไฟได้กว่า 10 กว่าเปอร์เซ็นต์

อีกวิธีเมื่อเราเปิดแอร์ไม่ควรตั้งอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส เพราะจะทำให้แอร์นั้นกินไฟมากกว่าปกติ ให้เราลองตั้งอุณหภูมิที่ประมาณ 27องศาเซลเซียส และใช้พัดลมที่ประหยัดไฟเบอร์ 5 เปิดช่วย ก็จะทำให้ห้องเย็นโดยทั่วห้องและสามารถประหยัดไฟได้ถึง 30% เลยทีเดียว


อีกข้อก็คือไม่ควรนำต้นไม้หรือนำผ้าเปียกๆ เข้าไปตากในห้อง เพราะจะทำให้แอร์นั้นทำงานหนักมากยิ่งขึ้นแถมยังต้องรีดความชื้นออกจากของก่อน ทำให้เสียพลังงานไฟฟ้าและสิ้นเปลืองไปโดยใช่เหตุ

ควรสำรวจว่าก่อนเปิดแอร์ภายในห้องนั้น อุณหภูมิมีความร้อนความเย็นมากแค่ไหน ถ้ามีความร้อนให้เราเปิดหน้าต่างเพื่อถ่ายเทอากาศภายในห้องก่อนสัก 15นาที หรือเปิดพัดลมเป่าเพื่อระบายอากาศออกไปเมื่อเปิดแอร์แล้วจะทำให้แอร์ไม่ทำงานหนักจนเกินไปก็จะทำให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น

สุดท้ายให้เราสำรวจหน้าต่างและประตูหรือช่องระบายอากาศทุกช่อง  ภายในห้องหรือในบ้านของเรา โดยให้ปิดให้สนิทไม่ให้ความเย็นหรือความร้อนความชื้นจากภายนอกเข้ามา  จะทำให้แอร์ทำงานได้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ทั้งนี้การปรับทิศทางลมที่ออกจากแอร์ก็ควรปรับมากตรงผู้ใช้งานโดยตรงเพราะจะทำให้เราได้รับความเย็นโดยตรงโดยไม่ต้องปรับแอร์ให้มีความเย็นมากยิ่งขึ้น  วิธีนี้ก็จะช่วยให้การใช้แอร์นั้นเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นครับ

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

เทคนิครวยจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ถ้าพูดถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นเรียกได้ว่าธุรกิจนี้มีกระแสเงินสดและก็มีความสนใจของนักลงทุนสูงมากเป็นตลาดที่ใหญ่ซึ่งนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดนี้หวังที่จะหาช่องทางรวยจากตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้นมีมาก


และในปัจจุบันนี้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายก็มีอัตราการเติบโตที่สูงมากยิ่งขึ้นและที่ดินก็มีราคาแพงกว่าแต่ก่อน วันนี้ผมก็จะนำเทคนิคมานำเสนอ เช่น ช่องทางหรือวิธีที่เราสามารถรวยด้วยอสังหาริมทรัพย์กันได้นะครับ

วิธีแรกเลยนั้นก็คือให้เราปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ โดยที่เราจะต้องลงทุนขั้นพื้นฐานหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้นเอาไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นบ้านห้องแถวคอนโด  จากนั้นเราจึงนำมาปล่อยเช่า  ซึ่งแต่ละทำเลนั้นก็มีอัตราเช่าหรือราคาเช่าที่แตกต่างกัน  วิธีนี้ก็จะสามารถสร้างเงินระยะยาวให้กับผู้ลงทุนได้  และอย่าลืมว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นสามารถเพิ่มมูลค่าขึ้นในระยะยาวได้  การลงทุนเก็บซื้อไว้ก่อนก็จะทำให้ระยะยาวนั้นสามารถขายเก็งกำไรหรือปล่อยเช่าได้อีกทาง

แต่ทั้งนี้ต้องมีเงินทุนสำรองพอสมควรสิ่งสำคัญในการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์นั้นขึ้นอยู่กับทำเลเป็นหลัก เพราะว่าในอนาคตนั้นจะสามารถเพิ่มมูลค่าของสถานที่ต่างๆได้ดีและเร็วกว่า

อีกวิธีก็คือนายหน้าอสังหาริมทรัพย์วิธีจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้เป็นนายหน้าได้เป็นอย่างดีแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปสำหรับการที่จะเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์นั้น  ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ดีๆนั้นที่มีมูลค่าสูงก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆเสมอไป  อีกทั้งยังมีการแข่งขันจากนายหน้ารายอื่นๆที่มีทรัพย์สินมากกว่าเรา

อีกวิธีถ้าใครอยากจะรวยจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กันนะครับให้เราสำรวจ ตลาดทุกๆวัน  รวมทั้งสำรวจมูลค่าของตลาดในพื้นที่ที่เราถนัดก็จะสามารถสร้างข้อได้เปรียบมากกว่านายหน้านอกพื้นที่ได้เช่นกัน  ช่องทางวิธีนี้ก็จะเป็นการซื้อขายใบจอง  โดยทั่วไปการที่จะซื้อคอนโดนั้นทางสำนักงานก็ต้องออกใบจองมาก่อน  ซึ่งในสถานที่ไหนที่มีทำเลที่ดีและเป็นที่นิยมก็จะแย่งใบจองกันเลยทีเดียว


ในปัจจุบันนั้นถ้าเราไม่ไปซื้อใบจองเป็นคนแรกแรกหรือรวดเร็วได้นั้น ก็จะต้องรอกันข้ามคืนเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นธุรกิจที่ซื้อขายใบจองสำหรับอสังหาริมทรัพย์นั้น ก็จะมีราคาหลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน  ทั้งนี้การที่เราทำธุรกิจนี้ก็จะสามารถสร้างกำไรได้เช่นกันแต่ก็ต้องมองภาพให้ออกว่าสถานที่ไหนนั้นจะเป็นที่นิยมด้วย

ก่อนต่อเติมบ้านต้องรู้อะไรบ้าง

ในเรื่องของการต่อเติมบ้านจริงๆแล้ว  เราต่อเติมได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเลยแน่นอน  เพราะว่าเราทุกคนก็ต้องการบ้านที่สวยงามและเหมาะแก่การอยู่อาศัย  สำหรับคนที่ซื้อบ้านทั่วๆไป เช่น หมู่บ้านจัดสรรนั้น  จะได้รับการออกแบบมาในลักษณะที่คล้ายคลึงกันหรือเหมือนกันนั่นเองแต่ความต้องการของเราก็อยากจะต่อเติมบ้านให้มีลักษณะและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว


ซึ่งลักษณะนิสัยและบุคลิกในการดำเนินชีวิตนั้นแตกต่างกันไป เช่น ผู้หญิงอาจจะต้องการห้องครัวที่ใหญ่  แต่ผู้ชายจะต้องการโรงจอดรถที่ใหญ่เป็นต้น  เพราะฉะนั้นในพื้นที่บริเวณบ้านของเราต้องมีการออกแบบให้เหมาะสมแก่สภาพการใช้งานของแต่ละคนในครอบครัว

ถ้าเราจะต่อเติมบ้านนั้นจริงๆแล้วอาจจะต้องปรึกษาวิศวกรหรือผู้ชำนาญการในการต่อเติมบ้าน  ในการต่อเติมบ้านแต่ละครั้งนั้นมีความแตกต่างกัน เช่น ถ้าเราต้องการต่อเติมหลังคา นั่นหมายถึงว่าต้องมีในเรื่องของโครงสร้างเข้ามาเกี่ยวข้อง  ถ้าเราไม่มีความถนัดหรือเชี่ยวชาญเพียงพอก็อาจจะต่อเติมและทำให้โครงสร้างเรานั้นไม่มีมาตรฐานก็เป็นได้

ทำให้การรับน้ำหนักนั้นไม่ปลอดภัยต่อบุคคลในบ้านเป็นต้น  เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ต้องการปัญหาที่บานปลายจนเกินไปก็ควรจะจ้างวิศวกรผู้เชี่ยวชาญมาดูแลในเรื่องของการต่อเติมบ้าน  อาจจะใช้เงินทุนบางสักเล็กน้อย แต่ก็สร้างความมั่นใจและความมีมาตรฐานของอุปกรณ์ก่อสร้างด้วยเหมือนกัน

ทั้งนี้การต่อเติมบ้านบางครั้งเราอาจจะต้องปรึกษาเพื่อนบ้านด้วยเหมือนกัน  ซึ่งการต่อเติมบ้านนั้นเราจะต้องไม่เพิ่มความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นหรือสร้างปัญหาให้กลับบ้านข้างเคียง  โดยมาตรฐานการต่อเติมบ้านในทุกด้านทุกส่วน เราไม่ควรต่อเติมไปชิดขอบรั้วหรือกำแพงมากจนเกินไปจนทำให้บ้านข้างเคียงนั้นอากาศหรือบรรยากาศ ระบายไม่สะดวกหรือปิดกั้นวิสัยทัศน์ของมุมมองของเพื่อนข้างบ้านเป็นต้น

อย่าลืมว่าเมื่อเราต่อเติมบ้านไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่ผมบอกละครับ  ก่อนจะเริ่มลงมือให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ชำนาญงานในการต่อเติมบ้านโดยเฉพาะ เพราะจะทำให้บ้านนั้นมีมาตรฐานและผลลัพธ์ที่ออกมาตรงกับใจเรานั่นเอง

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

เคล็ดลับนำเสนอโครงการเพื่อหาผู้ร่วมทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

การที่เราหาผู้ร่วมทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเรานั้นก่อนอื่นเลยเราจะต้องมีจุดเด่นและความน่าสนใจในธุรกิจก่อน  ทั้งนี้ถ้าเรากำหนดความชัดเจนของธุรกิจได้เช่นมีแผนธุรกิจเพื่อรองรับหรือนำเสนอต่อผู้คนเหล่านั้นให้สามารถมองเห็นภาพได้ละเอียดและวิเคราะห์ตลาดการเงินกำไรจุดคุ้มทุนและอัตราผลตอบแทนต่างๆได้ชัดเจน

ก็จะสามารถดึงดูดใจหรือโน้มน้าวใจให้มีผู้ร่วมทุนกับเราได้สูงยิ่งขึ้น เมื่อเรามาถึงขั้นตอนของการเตรียมแผนธุรกิจเพื่อที่จะเสนอให้ผู้ลงทุนของเราเรียบร้อยแล้วนั้นเราก็ควรจะดูด้วยว่าเราจะให้ผู้ร่วมทุนของเรานั้นมีลักษณะหรือกลุ่มไหนที่ชัดเจน เช่น เงินทุนสำหรับโครงการนั้นเท่าไหร่และต้องใช้เงินทุนสูงมากแค่ไหนและลักษณะนิสัยในด้านธุรกิจนั้นเป็นอย่างไรมาเพื่อร่วมทุนด้วยจริงๆ

หรือเพียงแค่เก็งกำไรเท่านั้นทั้งนี้ผมก็จะยกตัวอย่างผู้ร่วมทุนในกลุ่มต่างๆเพื่อให้เราสามารถไปหาผู้ร่วมทุนเหล่านี้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นผู้ลงทุนหลักๆนั้นจะมีดังนี้ เช่น คุณจากตลาดหลักทรัพย์หรือสถาบันการเงินก็จะเป็นทุนแหล่งหลักๆซึ่งใหญ่และก็มีกลุ่มทุนจากคนใกล้ชิดหรือคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน การโน้มน้าวกลุ่มผู้ลงทุนกลุ่มนี้ก็ต้องจะต้องทำแผนธุรกิจให้ดีหรือแม้กระทั่งทุนจากต่างประเทศด้วยก็จะจะมีความเข้มข้นและความชัดเจนสูง

เมื่อเราหาผู้ร่วมทุนหรือโครงการได้แล้วเราจะต้องจัดส่งทางธุรกิจเหล่านั้นไปให้กลุ่มทุนเหล่านั้นทางอีเมลหรือช่องทางที่สามารถส่งถึงผู้รับได้กับมือในระยะเวลาที่ไม่นานมากนักการส่งแผนธุรกิจเหล่านี้ไปควรจะส่งไปได้หลายกลุ่มแนะนำว่าให้ส่งไป 20 ถึง 30 ขึ้นไปเพราะว่าเราจะได้กลุ่มผู้ลงทุนนั้นหลากหลายมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้เราจะต้องคัดผู้ร่วมทุนของเราอีกด้วยไม่เพียงเฉพาะผู้ลงทุนอสังหาริมทรัพย์จะขัดตัวเราเพียงอย่างเดียวเมื่อเราได้ส่งรายละเอียดและมีการการนัดหมายกันนั้นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือการอธิบายแผนการลงทุนและขั้นตอนทั้งหมดให้ผู้ลงทุนได้ทราบรายละเอียดและความสำคัญของการลงทุนครั้งนั้นเป็นอย่างไรด้วยการพูดคุยนั้นจะต้องมีบรรยากาศที่ดีและรู้สึกเป็นกันเองก่อนและไม่ควรเร่งรีบเพื่อหาข้อสรุปโดยเร็วแต่ควรจะให้ผู้ร่วมทุนนั้นได้ถามข้อสงสัยหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก็จะทำให้ทั้งสองฝ่ายนั้นเข้าใจใจกันมากยิ่งขึ้น และจะนำมาสู่การร่วมทุนกันก็ได้ครับ

ขั้นตอนและวิธีตกแต่งหรือทำความสะอาดผ้าม่านในบ้าน

แน่นอนอยู่แล้วว่าทุกบ้านจะต้องมีการติดตั้งผ้าม่านในทุกมุมของหน้าต่าง เพื่อลดแสงแดดหรือแสงรบกวนเข้ามาภายในบ้าน ทั้งนี้ยังช่วยให้ประหยัดไฟฟ้าในการใช้แอร์มากยิ่งขึ้น  ผ้าม่านจึงเป็นสิ่งจำเป็นและขาดไม่ได้เลยในบ้านทุกๆห้อง

ให้เริ่มจากการทำความสะอาดผ้าม่านกันก่อนโดยให้เราเริ่มจากส่วนบนของผ้าม่านเป็นหลัก โดยให้ปัดฝุ่นเหมือนกับปัดหยากไย่บนเพดาน โดยให้ฝุ่นส่วนบนที่มีนั้น หล่นลงมาด้านล่างก่อน จะทำให้ด้านบนสะอาดและไม่สกปรกกับด้านบนอีกแล้ว

ทั้งนี้ยังต้องทำความสะอาดในส่วนของจีบผ้าม่านให้ดี เพราะจะเป็นส่วนที่มีฝุ่นเกาะติดอยู่หนาเป็นพิเศษ

การใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดผ้าม่านก็ควรระวัง เพราะถ้าเราเช็ดไม่ดีนอกจากไม่ช่วยทำความสะอาดให้ผ้าม่านแล้ว ยังไปเพิ่มความสกปรกหรือทำให้ฝุ่นละลายน้ำไปติดผ้าม่านในส่วนอื่นๆได้



ในผ้าม่านที่มีสีอ่อนก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเพราะอาจจะทำให้เกิดรอยเปื้อนได้ง่ายกว่าผ้าที่มีสีเข้ม

การทำความสะอาดผ้าม่านควรดูชนิดของผ้าที่จะทำความสะอาดเป็นหลักด้วย  เพราะยิ่งเป็นผ้าฝ้ายให้เรานำมาสะบัดปัดฝุ่นออกก็พอโดยไม่ต้องใช้การซัก แต่ถ้าผ้าม่านของคุณมีความหนาก็ควรจะซักมากกว่าเพราะจะทำให้ผ้าม่านนั้นไม่มีสิ่งสกปรกเกาะติดอยู่

วิธีสุดท้ายจะทำให้ผ้าม่านของคุณดูสวยงาม  และมีความโรแมนติกมากขึ้น นั่นก็คือให้เราฉีดสเปรย์หอมๆ ลงที่ผ้าม่านเพราะในกรณีถ้ามีลมพัดเข้ามา ผ้าม่านจะเป็นส่วนแรกที่รับลมเหล่านั้น และพัดพาความหอมของสเปย์ที่เราฉีดลงไป  ทำให้ภายในบ้านนั้นมีกลิ่นหอมและมีบรรยากาศที่ดีเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น  วิธีนี้สามารถใช้ได้ทั้งในบ้านหรือบ้านไปด้วยกันเลยครับ

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

การลงทุนระยะสั้นและยาวในอสังหาริมทรัพย์


ในเรื่องของการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นธุรกิจที่ลงทุนมีผลตอบแทนที่สูงอีกวงการเลยก็ว่าได้แต่ทั้งนี้การลงทุนต้องมีการลงทรัพย์สินจำนวนมากเช่นกันและก็มีความเสี่ยงสูงอีกด้วยซึ่งโดยทั่วไปการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นทำได้หลายวิธีวันนี้เราก็จะมาดูว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้นมีแบบไหนกันบ้างและแต่ละแบบนั้นแตกต่างกันอย่างไร

การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระยะสั้นการลงทุนแบบนี้ เรียกได้ว่าเป็นเหมือนวิธีการเก็งกำไร เช่น เมื่อเราเห็นว่ามีโครงการขายบ้านหรือขายคอนโดใหม่ในทำเลที่ดีหรือสามารถขายได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว  เราก็ไปจับจองเป็นเจ้าของไว้ก่อนแล้วเมื่อโครงการนั้นเสร็จเราอาจจะนำมาปล่อยให้เช่าหรือว่าจะขายเพื่อเก็งกำไรต่อไป

การลงทุนหรือการเก็งกำไรระยะสั้นแบบนี้จะใช้เงินลงทุนที่ น้อยกว่าระยะยาวด้วยแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูว่าเศรษฐกิจในขณะนั้นเป็นอย่างไรการจับจ่ายใช้สอยหรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนั้นเป็นขาลงหรือขาขึ้นก็ต้องดูให้ดีปัจจัยที่สำคัญที่เราจะลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบนี้คือให้เราดูทำเลที่เราจะซื้อให้ดีที่สุดว่าย่านนั้นๆมีความต้องการสูงและสามารถทำมาค้าขายได้ง่าย


เราสามารถขายหมดได้ไว้ภายใน 1 ปีหรือให้เราดูจากยอดจองเป็นหลักถ้ามีอัตราการจองหมดไว้นั่นก็หมายถึงว่าโครงการนั้นเป็นที่สนใจเป็นอย่างมาก  และถ้าเราจะเก็งกำไรระยะสั้นอย่างนี้ก็ต้องดูด้วยว่าค่าจองกับค่าดาวน์นั้นสูงหรือน้อยเพียงใด

ซึ่งจะต้องไม่เกิน 5 ถึง 10% เพราะจะทำให้การลงทุนนั้นไม่เสียเงินเกินไปและถ้าเป็นไปได้การขายคนขายในช่วงขาขึ้นเพราะเศรษฐกิจในขณะนั้นดีก็จะทำให้มีกำลังซื้อและราคาที่เราขายนั้นได้สูงมากกว่าปกตินั่นเอง

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระยะยาวการลงทุนในแบบนี้จะต้องดูปัจจัยในหลายหลายแบบเช่นอัตราเงินเฟ้อเป็นต้น  การลงทุนแบบนี้ก็จะออกเป็น 2 แบบหลักๆ  การลงทุนกินกำไรจากการขายสินทรัพย์  ในการทำกำไรอย่างนี้ต้องดูแนวโน้มว่าที่ดินหรือการใช้สอยจากที่ดินนั้นๆมีประโยชน์และมีผู้สนใจมากน้อยเพียงใด

เช่น ที่ดินติดริมถนน ก็จะมีการสัญจรไปมา ก็จะสามารถทำมาค้าขายได้ง่ายกว่าที่ดินที่อยู่ในซอยลึกๆและสภาพราคาและจริงสิ่งก่อสร้างนั้นเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจในกรณีที่เราจะขายสินทรัพย์ สถานที่ที่เราจะเอาสามารถทำกำไรได้อีกนั่นก็คือเอาไว้ปล่อยเช่าเพื่อทำกำไรสถานที่อย่างนี้ข้อได้เปรียบหลักๆก็จะมีสถานที่นั้นจะต้องอยู่ใกล้สถานที่ราชการหรือห้างร้านต่างๆก็จะทำให้ได้เปรียบมากกว่าและการเดินทางนั้นควรจะสะดวกมีรถไฟฟ้าใต้ดินหรือระบบการขนส่งมวลชนที่ดีเป็นต้นก็จะสามารถทำให้สินทรัพย์นั้นเพิ่มมูลค่าขึ้นได้

เทคนิค! บริหารพื้นที่เล็กๆในบ้านให้รู้สึกเหมือนเป็นห้องใหญ่

ปฎิเสธไม่ได้เลยครับว่าการสร้างบ้านหรือการซื้อบ้านในปัจจุบันนี้ ขนาดห้องแทบจะไม่ใหญ่เหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากในเนื้อที่ในปัจจุบันนี้มีการใช้งานและมีบ้านผุดขึ้นมาอย่างมากมายราวกับดอกเห็ดเลยทีเดียว

โดยเฉพาะในส่วนของกรุงเทพมหานครหรือพื้นที่ที่ติดรถไฟฟ้าแล้วด้วย ขนาดห้องในบ้านนั้นมีขนาดที่เล็กมากแต่ราคาไม่เล็กตาม  วันนี้เราก็จะเอาเทคนิคหรือทริปได้ง่ายในการทำให้ห้องในบ้านของเรารู้สึกเหมือนเป็นห้องใหญ่ๆมาฝากกันครับ

1. จัดขนาดพื้นที่ให้พอเหมาะแก่การวางสิ่งของ ก่อนอื่นเลยให้เราสังเกตพื้นที่หรือขนาดห้องทั้งความยาวความกว้างความสูงและที่ทางให้เรียบร้อยเสร็จก่อน  ว่าขนาดห้องที่แท้จริงของเราเป็นอย่างไร  จากนั้นเราจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ควรซื้อให้พอดีกับพื้นที่ เพื่อที่เวลามาวางในห้อง จะทำให้ห้องไม่รกและไม่เกะกะจนเกินไป  ทำให้ห้องใหญ่และน่าอยู่มากขึ้นแถมยังได้พื้นที่วางเฟอร์นิเจอร์ครบครันเลยทีเดียว

2. วางแผนขนาดห้องของคุณในโปรแกรม 3D การทำแบบนี้จะทำให้คุณมองเห็นภาพหรือแปลนห้องในบ้านคุณได้ง่ายมากขึ้น เพราะไม่ต้องนำเฟอร์นิเจอร์มาวางจริงๆ แต่สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์และคำนวณพื้นที่ในโปรแกรมที่เป็นสามมิติหรือโปรแกรมห้องในบ้านได้เลย  สามารถโยกย้ายหรือเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ได้ตามต้องการ  ทำให้เราทราบว่าถ้าเราจะเอาเฟอร์นิเจอร์ในห้องบ้านเรา จะมีขนาดหรือพื้นที่เหลือให้เราใช้สอยมากแค่ไหน


3. อะไรควรซ่อนหรือควรเก็บก็จัดวางให้ดีๆ เมื่อเราอยู่บ้านไปสักพักก็จะทราบว่าเรามีของเยอะแยะมากมายเสียจริงๆ การนำของที่ไม่จำเป็นหรือไม่ใช้แล้วไปเก็บไว้ในพื้นที่หรือกล่องที่เก็บอย่างมิดชิดจะทำให้พื้นที่ของคนดูกว้างมากขึ้นและขนเก็บบรรดาพวกสายไฟหรือสายเคเบิลต่างๆ เช่นสายคอมพิวเตอร์ที่จะทำให้ห้องดูรกรุงรัง การเก็บสายไฟเหล่านี้จะทำให้พื้นที่ของห้องเหลือขึ้นมาอย่างที่เราคาดไม่ถึงเลยละครับ

4. ใช้สีที่ดูสว่างกว้างมากยิ่งขึ้น การทาสีในบ้านหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีต่างๆมีผลกับมุมมองที่เราจะทำให้บ้านดูกว้างหรือเล็กลง การใช้สีเฟอร์นิเจอร์ในห้องต่างๆ ก็จะทำให้ห้องดูว่างขึ้นได้  เช่น ถ้าเราใช้สีที่สว่างๆ เช่นสีขาวหรือสีเหลืองก็จะทำให้ห้องดูสะอาดสดใสยิ่งขึ้น  แต่ถ้าเราใช้สีที่ทึบสีน้ำเงินหรือสีดำก็จะทำให้ห้องดูแคบลง แต่จะได้อารมณ์ของสีนั้นๆมาเช่น ความโรแมนติกเป็นต้น

นี้ก็คือวิธีง่ายๆในการออกแบบและดีไซน์ห้องในบ้านของเราให้มีขนาดที่กว้างมากยิ่งขึ้นครับ อย่าลืมเอาไปใช้กันนะครับ!

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

เคล็ดลับ! ดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน



เป็นที่รู้กันว่าในบ้านของเราจะต้องมีสิ่งมาอำนวยความสะดวก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ถ้าจะนับกันย่อยๆก็น่าจะมีหลายชิ้นแต่วันนี้เราจะมาพูดถึงการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้นและสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

1. เครื่องปรับอากาศหรือแอร์
โดยปรกติแล้วแต่นั้นมีอายุการใช้งานประมาณ 10 ปีขึ้นไป ถ้าเรามันดูแลอย่างสม่ำเสมอการดูแลรักษาแอร์นั้นทำได้โดยวิธีง่ายๆ คือถอดแผ่นฟิวเตอร์ออกมาล้างทุกๆ 3 ถึง 6 เดือนก็จะทำให้แอร์นั้นไม่อุดตันจนเกินไป และจะทำให้ลดการใช้ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังทำให้อุณหภูมิของห้องต่ำลงแต่ใช้ไฟฟ้าลดลงได้

2. เตาแก๊ส
ภายในครัวให้เราหมั่นทำความสะอาดเตาแก๊สอยู่บ่อยๆ เพราะในตอนที่เราทำอาหารก็มักจะมีเศษอาหารตกลงไปสะสมและเตาแก๊สในบริเวณขดลวด ถ้าเราทำความสะอาดบ่อยๆก็จะทำให้แก๊สไหลเวียนได้ง่าย ไม่ติดขัดทั้งนี้ยังทำให้ไม่เปลืองแก๊สมากยิ่งขึ้นแถมยังช่วยรักษาเตาแก๊สให้มีอายุการใช้งานนานยิ่งขึ้นอีกด้วย

3. เตาอุ่นอาหารไมโครเวฟ
อายุการใช้งานของไมโครเวฟนั้นมีอายุการใช้งานได้ถึง 15 ปีเลยทีเดียวถ้าเรารักษาอย่างถูกต้องถูกวิธี เพียงแค่ทำความสะอาดภายในไมโครเวฟอยู่บ่อยๆ ไม่ให้คราบอาหารหรือสิ่งสกปรกไปอุดตันหรือสะสมอยู่ภายในตู้ไมโครเวฟ ซึ่งเศษอาหารเรานั้นจะเปลี่ยนเป็นคาร์บอนที่เป็นตัวทำลายวงจรไฟฟ้าภายในไมโครเวฟให้เสียหายได้ ให้เราใช้น้ำยาล้างจานกับฟองน้ำหรือผ้าเช็ดเบาๆซัก 2 ถึง 3 รอบก็น่าจะทำให้ไมโครเวฟของคุณสะอาดขึ้นแล้ว

4. ตู้เย็น
แน่นอนว่าทุกบ้านจะมีตู้เย็นใช้กันอยู่แล้ว การดูแลรักษาตู้เย็นก็คือให้เราทำความสะอาดภายในตู้เย็นและไม่ไว้ของในตู้เย็นจนรกเกินไป  ซึ่งจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักมากยิ่งขึ้น และการทำความสะอาดเอาสิ่งสกปรกออกไป ก็จะทำให้การทำงานในตู้เย็นไม่หนักจนเกินไป  และแผงระบายความร้อนก็มีการระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพของตู้เย็นนั้นสูงยิ่งขึ้น แต่ใช้ปริมาณไฟฟ้าที่ลดลง

เทคนิคกำจัดเสียงรบกวนจากข้างบ้าน


เคยใช่มั้ย อยู่บ้านห้องแถว !!! รำคาญจัง แต่ก็เกรงใจจริงๆ เคยมีประสบการณ์ใช่ไหมครับ เมื่อได้ยินเสียงรบกวนจากคนข้างบ้านหรือเสียงรบกวนดนตรีต่างๆเมื่ออยู่ในบ้านของเรา แต่ก็เกรงใจไม่กล้าไปบอก วันนี้เรามีวิธีจะหยุดปัญหาเสียงรบกวนเหล่านั้นให้อยู่หมัด ในกรณีที่กำแพงบ้านนั้นติดกัน ทำอย่างไรนั้นมาดูกันครับ

1. ตรวจสอบช่องโหว่บนผนังบ้าน
ให้เราลองสังเกตุที่มาของเสียงว่าเล็ดลอดมาจากช่องทางไหน จากนั้นเราก็ตรวจสอบพื้นที่ผนังว่ามีช่องโหว่หรือไม่หรือแนวกระเบื้องนั้นมีการประกอบไว้ดีหรือเปล่า ถ้าพบช่องโหว่หรือมีสิ่งใดผิดปกติให้ติดช่องโหว่เหล่านั้นอย่าให้เสียงเล็ดลอดเข้ามาได้ก็จะทำให้ห้องสงบขึ้น

2. ปิดช่องเสียงด้านประตูทางเข้าทางออกซะ
อย่าลืมว่าช่องโหว่หลักๆของห้องในบ้านนั่นก็คือประตู ถ้าเราปิดเสียงช่องโหว่จากประตูทุกๆมุม ก็จะทำให้เสียงนั้นเล็ดลอดเข้ามาในห้องเราได้ยาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบประตูว่ามีวัสดุที่ดีมากน้อยเพียงใดด้วยนะครับ

3. ติดตั้งแผ่นซับเสียง
วิธีนี้จากค่อนข้างโปรนิดนึง เนื่องจากเราจะติดตั้งแผ่นดูดซับเสียงเหมือนในห้องอัดเสียงดนตรี การติดตั้งแผ่นดูดซับเสียงก็จะทำให้ผนังนั้นมีการดูดซับเสียงจากภายนอกหรือภายในได้ดียิ่งขึ้น จะทำให้ห้องสงบและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

4. วางเตียงนอนให้ห่างจากผนังบ้าน
การวางเตียงนอนให้ห่างจากผนังบ้านฯนั้นจะดีกว่า เพราะว่าเมื่อเราพักผ่อนเสียงที่ดังมาจากภายนอกก็จะไม่มารบกวนเรามากนักจนเกินไป ถ้าเราวางเตียงนอนของเราชนกับผนังมากเกินไป อาจจะมีเสียงรบกวนดังมาจากภายนอกเข้ามารบกวนเราได้ง่ายขึ้น

5. ติดตั้งและตกแต่งด้วยผ้าดูดซับเสียง 
การตกแต่งห้องภายในบ้าน ถ้าเราเน้นเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้าหรือฟองน้ำ เช่น โซฟาหรือผ้าหลายชิ้น เช่น ในห้องครัว หรือ ห้องนั่งเล่น ก็จะทำให้วัสดุเหล่านั้นดูดซับเสียงที่ดังมาจากภายนอก ทำให้เสียงรบกวนนั้นน้อยลงและทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือไม่เปลืองค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเลยนะครับ

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

อะไรคือสาเหตุของการล้มละลาย



ได้ยินคำนี้แล้วรู้สึกหนักใจเช่นกันเพราะว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นในเรื่องของธุรกิจก็อาจจะไม่ได้ราบรื่นหรือสวยหรูไปได้ทุกครั้ง จะมีทั้งการขาดทุนและเสียเงินทองทรัพย์สินต่างๆได้มากมาย  ซึ่งการล้มละลายนี้อาจจะเป็นไปได้หลายวิธี แต่เรื่องหลักๆนั้นจะมาจากรายได้เป็นหลักนั่นเอง วันนี้เราก็เลยจะเอาความรู้หรือสาเหตุหลักที่ทำให้ธุรกิจนั้นล้มละลายว่าเกิดจากสาเหตุใดบ้าง

ลงทุนเกินตัวสาเหตุนี้ก็คือการก่อหนี้สินมากจนเกินไปซึ่งจะทำให้เกิดการขาดสภาพคล่องและต้องมีหนี้สินมากมายจริงๆแล้วการก่อหนี้นั้นต้องอยู่ในความเป็นจิงด้วย ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถควบคุมได้ทุกสิ่งเราจะต้องมีการวางแผนสินทรัพย์หรือทรัพย์สินของเราให้ดีในทุกๆด้าน เพื่อลดความเสี่ยงหรือการค้างชำระต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

เศรษฐกิจสำหรับบ้านเรานั้น  เศรษฐกิจหรือธุรกิจนั้นเป็นเครื่องที่จะบอกว่าประชาชนในประเทศนั้นมีคุณภาพมากแค่ไหนซึ่งจะสะท้อนไปถึงผลประกอบการธุรกิจต่างๆเพราะฉะนั้นในธุรกิจของเราจะต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสมและชัดเจนมากขึ้นเพื่อที่จะสามารถดำเนินธุรกิจหรือขายของให้กับกลุ่มที่ตรงตามความต้องการเป็นต้น

ในการลงทุนนั้นค่านิยมหรือความต้องการเรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆต้นเช่นกันโดยเฉพาะในปัจจุบันนี้มีการสื่อสารกันได้รวดเร็วอีกทั้งยังมีค่านิยมและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากสมัยก่อนได้อย่างชัดเจนเพราะฉะนั้นถ้าเราจะลงทุนธุรกิจด้านใดก็แล้วแต่จะต้องศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าของเราเพื่อที่จะสามารถทำให้ธุรกิจนั้นเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่องนั่นเอง

ปัญหาจากผู้ว่าจ้างส่วนใหญ่ที่ผู้รับเหมาสร้างบ้านต้องเจอ


ซึ่งหัวข้อนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนโกงของผู้ว่าจ้างก็ว่าได้ เพราะว่าเป็นปัญหาที่ผู้รับเหมาได้รับผลกระทบจากการว่าจ้างในระหว่างการทำงานนั่นเองเพราะว่าผู้รับเหมาบางครั้งก็อาจจะโดนผู้ว่าจ้างนั้นโกงไปก็มีด้วยเหมือนกันวันนี้เราก็จะเอาเหตุผลต่างๆมาให้ผู้รับเหมาได้รู้เท่าทันก่อนที่จะเกิดความหนักใจขึ้นมาภายหลังและสามารถป้องกันได้ทันท่วงที

ผู้ว่าจ้างจ่ายเงินผิดนัดซึ่งเป็นปัญหาที่เรียกว่าอาจจะเจอได้ในหลายโครงการ โดยเฉพาะปัญหาที่ผู้รับเหมานั้นเจอได้บ่อยที่สุดเมื่อเราทำงานเสร็จแล้วแต่สุดท้าย  ผู้ว่าจ้างนั้นไม่ยอมจ่ายเงินหรือมีเหตุผลต่างๆนาๆที่จะเลื่อนหรือผลัดผ่อนออกไปทำให้สภาพคล่องของผู้รับเหมานั้นมีปัญหาได้

ทั้งนี้การทวงหนี้ด้วยไม่ง่ายเช่นกันเพราะฉะนั้นทางที่ดีควรจะหาทางออกหรือขอเหตุผลหรือแม้กระทั่งการผ่อนชำระโดยวิธีนี้อาจจะต้องเป็นวิธีสุดท้ายเพื่อที่เราจะได้เงินมาบ้างโดยไม่สูญเปล่าไปหมด

แก้ไขปรับเปลี่ยนตลอดเรียกว่าเป็นปัญหาอันดับสองของหลายโครงการเลยก็ว่าได้  โดยรองมาจากการจ่ายเงินล่าช้าหรือไม่ต้องกำหนดโดยในข้อนี้ผู้ว่าจ้างนั้นอาจจะมีนิสัยหรือลักษณะบุคลิกที่แตกต่างกันทำให้คาดหวังต่อผลงานที่ผู้รับเหมานั้นจะทำให้จึงทำให้เกิดการแก้ไขงานได้บ่อยครั้งทำให้เกิดปัญหาความล่าช้า ซึ่งอาจจะแก้ไขแล้วถูกใจหรือไม่ถูกใจก็ได้ทำให้งานไม่ได้ส่งมอบและอาจจะทำให้มีผลกระทบต่อการเงินต่างๆได้เช่นกัน


จ่ายเงินน้อยแต่อยากได้ของดีโดยในข้อนี้ผู้ว่าจ้างนั้นอาจจะเลือกผู้รับเหมาที่เสนอหรือมีราคาต่ำกว่าเจ้าอื่นๆแต่อยากได้มาตรฐานดีๆเช่นกัน เพราะฉะนั้นในกรณีนี้วัสดุหรือการลงทุนต่างๆนั้นต้องมีการตกลงกันด้วยดีและมีมาตรฐานที่เหมาะสมซึ่งไม่ทำให้ต้นทุนของผู้รับเหมาสูงขึ้นไปหรือเพิ่มระยะเวลาในการทำมากขึ้นเพื่อให้เกิดความยุติธรรมของทั้งสองฝ่ายก็ควรปรึกษาและคุยกันก่อนให้ชัดเจนก่อนที่จะเริ่มลงมือทำ

วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558

แนวคิดที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นอย่างไร

เชื่อว่านักธุรกิจหรือนักลงทุนทุกคนนั้น  เมื่อต้องการจะลงทุนในธุรกิจใดๆแล้ว  ก็มีเป้าหมายเดียวกันนั่นก็คือ ต้องการความสำเร็จและผลลัพธ์ที่มีกำไร แต่ระหว่างทางนั้นก็มีอุปสรรคและตัวขัดขวางที่จะทำให้เราไม่ได้ไปถึงความสำเร็จนั้นได้เหมือนกัน

สิ่งที่เป็นจุดสำคัญของความสำเร็จนั้นก็คือแนวคิดเป็นหลัก  ซึ่งแนวคิดนี้จะสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างคนที่สำเร็จและคนที่ล้มเหลวเพราะฉะนั้นแนวคิดหรือทัศนคตินั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดำเนินชีวิตและธุรกิจทุกๆการกระทำ

ซึ่งไม่ใช่เพียงธุรกิจหรือการลงทุนเพียงอย่างเดียวที่จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน  ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการประสบความสำเร็จและวันนี้เราก็จะมาดูกันว่าคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จนั้นมีแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างไร  ซึ่งผมจะแยกแนวคิดออกมาเป็น 2 กลุ่มโดยชัดเจนเลยนะครับ

1.การคิดลบ
ในลักษณะของความคิดชนิดนี้ก็จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตได้มากเช่นกันเพราะจะสามารถปิดกั้นการกระทำที่ส่งผลต่อความสำเร็จได้แน่นอนไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม   สมองของเราก็จะคิดไปในทางที่ไม่สร้างสรรค์ก่อนหรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมออกมาแต่ลองคิดกลับกันถ้าเรา

2.คิดบวก
และยอมรับความรู้หรือประสบการณ์ที่เราไม่เคยมีมาก่อนนั้น  เรานั้นสามารถพัฒนาความคิดของเราให้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน  เพราะฉะนั้นการเปิดรับความคิดใหม่ๆหรือพร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดเวลาก็จะทำให้ความสำเร็จนั้นเข้าใกล้ตัวมากกว่าคนที่คิดลบได้อย่างแน่นอน

สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จนั้นโดยส่วนใหญ่จะมองหาโอกาสมากกว่า    แต่สำหรับคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จหรือที่ล้มเหลวไปแล้วนั้นส่วนมากจะมองแต่อุปสรรค   ซึ่งคน 2 กลุ่มนี้ก็จะโฟกัสมุมมองที่แตกต่างกัน  ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือการลงทุนก็แล้ว  แต่ทำให้การจัดการกับอุปสรรคนั้นก็จะแตกต่างกันด้วย   คนที่ประสบความสำเร็จหรือผ่านอะไรมาเยอะแล้ว  อุปสรรคก็จะเป็นอะไรที่สร้างกำลังใจและกลับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ต่อสู้  ในขณะเดียวกันคนที่มีทัศนคติที่ไม่ดีจะคิดถึงแต่อุปสรรคและก้าวข้ามไปได้ยากทำให้ส่งผลต่อการพัฒนาทางธุรกิจและในเรื่องการลงทุนนั่นเอง

วินัยในคนที่ประสบความสำเร็จหรือคนที่ไม่ประสบความสำเร็จนั้น  วินัยจะเป็นตัววัดว่าใครจะสามารถประสบความสำเร็จในอนาคต เพราะการดำเนินชีวิตถ้าเราขาดวินัยจะทำให้การบริหารงานและเวลาผิดพลาดไปได้  รวมถึงการดำเนินชีวิตที่ไม่มีระเบียบก็จะทำให้ในแต่ละวันนั้นเสียเวลาไปเปล่าประโยชน์หรือทิ้งโอกาสที่สำคัญไปได้อย่างแน่นอน  อีกทั้งการขาดวินัยนั้นก็จะส่งผลถึงด้านการเงินด้วย  การที่เราขาดสภาพคล่องทางการเงิน  ก็จะจะส่งผลเสียต่อธุรกิจโดยรวม  และจะประสบความสำเร็จได้ยากแน่นอน


เคล็ดลับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบจับเสือมือเปล่า



ในด้านของการลงทุนนั้น  ใครที่เข้ามาในวงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นั้นก็คงคิดเหมือนกันทุกคนว่า  การลงทุนในวงการนี้นั้นต้องใช้ทรัพย์สินหรือสินทรัพย์พอสมควร  ด้วยความเสียงที่มีสูง  ในกรณีที่เราไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีและเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  ทำให้วงการนี้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวหรือล้มละลายในพริบตาได้เลยทีเดียว

เพราะอย่าลืมว่าทุกคนที่เข้ามาในธุรกิจนี้ต้องการผลตอบแทนที่สูงกันทั้งนั้น  วันนี้ผมก็จะมาพูดถึงการลงทุนที่มีลักษณะเด่นและลดความเสี่ยงตามนั่นก็คือการจับเสือมือเปล่านั่นเอง 

ซึ่งการลงทุนลักษณะจะเป็นการลงทุนที่เราใช้ทรัพย์สินน้อยหรือแทบไม่ต้องใช้ทรัพย์สินเลยก็ว่าได้ขอเพียงแค่เรามีเงินทุนหรือกระแสเงินสดไหลเข้ามาในระบบการเงินของเราแต่ละเดือน   ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายบ้างเล็กน้อย การจับเสือมือเปล่านั้นผมก็จะมาอธิบายให้ทราบกันว่ามีวิธีหรือหลักการอะไรกันบ้างครับ 

การทำกำไรหรือประกอบธุรกิจที่มีต้นทุนต่ำอย่างที่ผมบอกนั้น ก็คือการเป็นนายหน้าในการขายอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง อย่างที่บอกครับนายหน้านั้นก็คือตัวกลางหรือผู้ติดต่อให้ผู้ซื้อกับผู้ขายนั้นดำเนินการตกลงธุรกิจกันง่ายขึ้น  ลักษณะของนายหน้านั้นยิ่งถ้าเราทำในโครงการใหญ่หรือโครงการที่มีมูลค่าสูงก็จะทำให้นายหน้ารายนั้นสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับตัวเองได้ไม่น้อยเลยทีเดียว



และก็มีตัวอย่างมาให้ดูอย่าง เช่น ถ้าเราได้ขายอสังหาลิมทรัพย์ราคา 1 ล้านบาท เราสามารถนำไปบวกกำไรเพิ่มขายเป็น 1.5 ล้านบาท เป็นต้น   ซึ่งกำไร 5 แสนบาทนั้นเราแทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลย  แต่ต้องใช้ความสามารถในการเจรจาหรือขายข้อดีของอสังหาริมทรัพย์ชิ้นนั้นเพื่อโน้มน้าวจิตใจของผู้ซื้อให้ได้

เพียงแค่นี้เราก็ได้ค่าตอบแทนอย่างคุ้มค่าแต่ก็อย่าลืมว่าการขายอสังหาริมทรัพย์ราคาสูงนั้นก็เพิ่มความยากมากขึ้น ทั้งนี้เราจะต้องใช้ประสบการณ์และความรู้ที่ได้สะสมมาจะทำให้การเป็นนายหน้านั้นง่ายขึ้น

และวิธีการลงทุนอีกก็คือการปล่อยคอนโดหรือสังหาริมทรัพย์ให้เช่า  ซึ่งในกรณีนี้ผู้ให้เช่าหรือผู้ซื้อนั้นสามารถกู้สินเชื่อจากธนาคารได้เช่นกันเท่ากับว่าการที่เราจะไปเช่าหรือลงทุนในธุรกิจอสังหานั้นแทบไม่ต้องใช้เงินในกระเป๋าของเราเลยสักบาทเดียว ก็สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจนี้ได้เช่นกัน


แต่ในกรณีที่เราไม่สามารถกู้ได้ 100% เราอาจจะต้องควักกระเป๋าตัวเองบ้าง แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่มีปัญหา อย่าลืมว่าการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นถ้าเราสามารถเลือกทำเลได้ดี  การปล่อยเช่าก็สามารถทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น  อีกทั้งยังเป็นรายได้ระยะยาวของเราได้ด้วย  นี่ก็เป็น 2 ตัวอย่างของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จับเสือมือเปล่าโดยที่ไม่ต้องลงทุนเลยเพียงใช้สมองในการบริหารจัดการก็สามารถสร้างกำไรหรือเงินระยะยาวได้เป็นกอบเป็นกำแล้วละครับ